Saturday, March 12, 2016

กสิณคืออะไร ฝึกยังไง ได้ผลยังไง

กสิณคืออะไร
        กสิณ คือวิธีการปฏิบัติสมาธิแบบหนึ่งในพระพุทธศาสนา มีความหมายว่า เพ่งอารมณ์ เป็นสภาพหยาบ สำหรับให้ผู้ฝึกจับให้ติดตาติดใจ ให้จิตใจจับอยู่ในกสิณใดกสิณหนึ่งใน 10 อย่าง ให้มีอารมณ์เป็นหนึ่งเดียว จิตจะได้อยู่นิ่งไม่ฟุ้งซ่าน มีสภาวะให้จิตจับง่ายมีการทรงฌานถึงฌาน 4 ได้ทั้งหมด กสิณทั้ง 10 เป็นพื้นฐานของอภิญญาสมาบัติ
        การเพ่งกสิณนับว่าเป็นอุบายกรรมฐานกองต้นๆ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงบัญญัติไว้ ว่าด้วยการปฏิบัติสมาธิภาวนาเพื่ออบรมจิต (อันเป็นแนวทางแห่งการบรรลุสำเร็จมรรคผลนิพพาน หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารนี้ออกไปได้) ซึ่งอุบายกรรมฐานมีอยู่ด้วยกันทั้งหมดสี่สิบกอง ภายใต้กรรมฐานทั้งสี่สิบกองนั้น จะประกอบไปด้วยกรรมฐานที่เกี่ยวเนื่องกับการเพ่งกสิณอยู่ถึงสิบกองด้วยกัน
      การเพ่งกสิณ คือ อาการที่เราเพ่ง (อารมณ์) ไม่ได้หมายถึงเพ่งมอง หรือจ้องมอง ไปยังวัตถุหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อาทิเช่น พระพุทธรูป เทียน สีต่างๆ หรือแม้กระทั่งอากาศ ฯลฯ แล้วเรียนรู้ รับรู้/บันทึก สภาพหรือคุณสมบัติเฉพาะ ของวัตถุ (ธาตุ) หรือสิ่งๆ นั้นไว้เช่น เนื้อ สี สภาพผิว ความหนาแน่น ความ เย็นในจิตจนกระทั่งเมื่อหลับตาลงจะปรากฏภาพนิมิต (นิมิตกสิณ) ของวัตถุหรือสิ่งๆ นั้นขึ้นมาให้เห็นในจิต หรือแม้กระทั่งยามลืมตาก็ยังสามารถมองเห็นภาพนิมิตกสิณดังกล่าวเป็นภาพติดตา

        การเพ่งกสิณจัดเป็นอุบายวิธีในการทำสมาธิที่มีดีอยู่ในตัว กล่าวคือ การเพ่งกสิณเป็นเสมือนทางลัดที่จิตใช้ในการเข้าสู่สมาธิได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายกว่าการเลือกใช้อุบายกรรมฐานกองอื่นๆ มากมายนัก ทั้งนี้เนื่องจากแนวทางในการปฏิบัติสมาธิภาวนาด้วยการใช้อุบายวิธีการเพ่งกสิณนั้น จิตจะยึดเอาภาพนิมิตกสิณที่เกิดขึ้นมาเป็นเครื่องรู้ของจิต แทนอารมณ์ต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในจิต และเมื่อภาพนิมิตกสิณเริ่มรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกันกับจิต จิตก็จะรับเอาภาพนิมิตกสิณนั้นมาเป็นหนึ่งเดียวกันกับจิต
        จากนั้นภาพนิมิตกสิณดังกล่าวจะค่อยๆ พัฒนาไปเองตามความละเอียดของจิต ซึ่งจะส่งผลให้เกิดมีความเปลี่ยนแปลงขึ้นกับภาพนิมิตกสิณนั้น เริ่มตั้งแต่ความคมชัดในการมองเห็นภาพนิมิตกสิณที่ปรากฏขึ้นภายในจิต และสามารถมองเห็นภาพนิมิตกสิณนั้นได้อย่างชัดเจน ราวกับมองเห็นด้วยตาจริงๆ ไปจนกระทั่งการที่จิตสามารถบังคับภาพนิมิตกสิณนั้นให้เลื่อนเข้า-เลื่อนออก หรือหมุนไปทางซ้าย-ทางขวา หรือยืด-หดภาพนิมิตกสิณดังกล่าวได้ อันเป็นพลังจิตที่เกิดขึ้นจากการเพ่งนิมิตกสิณ
         แต่ในที่สุดแล้วภาพนิมิตกสิณทั้งหลายก็จะมาถึงจุดแห่งความเป็นอนัตตา อันได้แก่ ความว่างและแสงสว่าง กล่าวคือ ภาพนิมิตทั้งหลายจะหมดไปจากจิต แม้กระทั่งอาการและสัญญาในดวงจิตก็จะจางหายไปด้วย จากนั้นจิตจึงเข้าสู่กระบวนการของสมาธิในขั้นฌานต่อไปตามลำดับ

กสิณทั้ง 10 อย่าง แบ่งออกเป็น 2 พวก

• พวกที่หนึ่ง คือ กสิณกลาง มี 6 อย่าง คนทุกจริตฝึกกสิณได้ทั้ง 6 เพราะเหมาะกับทุกอารมณ์ ทุกอุปนิสัยของคน
        ปฐวีกสิณ (ธาตุดิน/ของแข็ง ไม่ใช่เฉพาะดิน) จิตเพ่งดิน โดยกำหนดว่าสิ่งนี้เป็นดิน หายใจเข้าให้ภาวนาว่า "ปฐวี" หายใจออกให้ภาวนาว่า "กสิณัง" เมื่อปฏิบัติอยู่ดังนี้ ก็จะข่มนิวรณ์ธรรมเสียได้โดยลำดับ กิเลศก็จะสงบระงับจากสันดาน สมาธิก็จะกล้าขึ้น จิตนั้นก็ชื่อว่าตั้งมั่น เป็นอุปจารสมาธิ เมื่อทำได้สำเร็จปฐมฌานแล้ว ก็พึงปฏิบัติในปฐมฌานนั้นให้ชำนาญคล่องแคล่วด้วยดีก่อนแล้วจึงเจริญทุติยฌานสืบต่อไปได้
        เตโชกสิณ (ธาตุไฟ ธาตุร้อน) จิตเพ่งไฟ คือการเพ่งเปลวไฟ โดยกำหนดว่าสิ่งนี้เป็นไฟ หายใจเข้าให้ภาวนาว่า "เตโช" หายใจออกภาวนาว่า "กสิณัง"
       วาโยกสิณ (ธาตุลม) จิตเพ่งอยู่กับลม นึกถึงภาพลม โดยกำหนดว่าสิ่งนี้เป็นลม หายใจเข้าให้ภาวนาว่า "วาโย" หายใจออกภาวนาว่า "กสิณัง"
       อากาสกสิณ (ช่องว่าง) จิตเพ่งอยู่กับอากาศ นึกถึงอากาศ คือการเพ่งช่องว่าง โดยกำหนดว่าสิ่งนี้เป็นช่องว่าง เวลาหายใจเข้าให้ภาวนาว่า "อากาศ" หายใจออกภาวนาว่า "กสิณัง"
      อาโลกสิณ (กสิณแสงสว่าง) จิตเพ่งอยู่กับแสงสว่าง นึกถึงแสงสว่าง วิธีเจริญอาโลกกสิณให้ผู้ปฏิบัติยึดโดยทำความรู้สึกถึงความสว่าง ไม่ใช่เพ่งที่สีของแสงนั้น เวลาหายใจเข้าให้ภาวนาว่า "อาโลก" หายใจออกให้ภาวนาว่า "กสิณัง"
    อาโปกสิณ (ธาตุน้ำ/ของเหลว) จิตนึกถึงน้ำเพ่งน้ำไว้ คือการเพ่งน้ำ โดยกำหนดว่าสิ่งนี้เป็นน้ำ หายใจเข้าให้ภาวนาว่า "อาโป" หายใจออกภาวนาว่า "กสิณัง" ให้เลือกภาวนากสิณใดกสิณหนึ่งให้ได้ถึงฌาน 4 หรือฌาน 5 กสิณอื่นๆ ก็ทำได้ง่ายทั้งหมด
• พวกที่สองคือกสิณเฉพาะอุปนิสัยหรือเฉพาะจริตมี 4 อย่าง สำหรับคนโกรธง่าย คือพวกโทสจริต
     โลหิตกสิณ เพ่งกสิณ หรือนิมิตสีแดงจะเป็นดอกไม้แดง เลือดแดง หรือผ้าสีแดงก็ได้ทั้งนั้นจิตนึกภาพสีแดงแล้วภาวนาว่า โลหิต กสิณัง
     นีลกสิณ ตาดูสีเขียวใบไม้ หญ้า หรืออะไรก็ได้ที่เป็นสีเขียว แล้วหลับตาจิตนึกถึงภาพสีเขียว ภาวนาว่า นีล กสิณัง
     ปีตกสิณ จิตเพ่งของอะไรก็ได้ที่เป็นสีเหลือง ภาวนาว่า ปีต กสิณัง
    โอทากสิณ ตาเพ่งสีขาวอะไรก็ได้แล้วแต่สะดวก แล้วหลับตานึกถึงภาพสีขาว ภาวนาโอทา กสิณัง จนจิตมีอารมณ์เป็นหนึ่งไม่วอกแวกไม่รู้ลมหายใจภาพกสิณชัดเจน
ท่านว่าจิตเข้าถึงฌาน 4 พอถึงฌานที่ 5 ก็เป็นจิตเฉยมีอุเบกขาอยู่กับภาพกสิณต่างๆ ที่จิตจับเอาไว้

อานุภาพกสิณ 10

         กสิณ 10 ประการนี้ เป็นปัจจัยให้แสดงฤทธิ์ต่าง ๆ ตามนัยที่กล่าวมาแล้วในฉฬภิญโญ เมื่อบำเพ็ญปฏิบัติใน กสิณกองใดกองหนึ่งสำเร็จถึงจตตุถฌานแล้ว ก็ควรฝึกตามอำนาจที่กสิณกองนั้นมีอยู่ให้ชำนาญ ถ้าท่านปฏิบัติถึงฌาน 4 แล้ว แต่มิได้ฝึกอธิษฐานต่างๆ ตามแบบ กล่าวกันว่าผู้นั้นยังไม่จัดว่าเป็นผู้เข้าฌานถึงกสิณ

อำนาจฤทธิ์ในกสิณในทางพุทธศาสนามีดังนี้

     ปฐวีกสิณ มีฤทธิ์ดังนี้ เช่น เนรมิตคนๆ เดียวให้เป็นคนมากๆ ได้ ให้คนมากเป็นคนๆ เดียวได้ ทำน้ำและอากาศให้แข็งได้ สามารถย่อแผ่นดินให้ใกล้กำลังการในเดินทาง

     อาโปกสิณ สามารถเนรมิตของแข็งให้อ่อนได้ เช่นอธิษฐานสถานที่เป็นดินหรือหรือหินที่กันดารน้ำให้เกิดบ่อน้ำ อธิษฐานหินดินเหล็กให้อ่อน อธิษฐานในสถานที่ขาดแคลนฝน ให้เกิดมีฝนอย่างนี้เป็นต้น

     เตโชกสิณ อธิษฐานให้เกิดเป็นเพลิงเผาผลาญหรือให้เกิดแสงสว่างได้ ทำแสงสว่างให้เกิดแก่จักษุญาณ สามารถเห็นภาพต่าง ๆ ในที่ไกลได้คล้ายตาทิพย์ ทำให้เกิดความร้อนในที่ทุกสถานได้ เมื่ออากาศหนาว สามารถทำให้เกิดความอบอุ่นได้

    วาโยกสิณ อธิษฐานจิตให้ตัวลอยตามลม หรืออธิษฐานให้ตัวเบา เหาะไปในอากาศก็ได้ สถานที่ใดไม่มีลมอธิษฐานให้มีลมได้

    นีลกสิณ สามารถทำให้เกิดสีเขียว หรือทำสถานที่สว่างให้มืดครึ้มได้

    ปีตกสิณ สามารถเนรมิตสีเหลืองหรือสีทองให้เกิดได้

    โลหิตกสิณ สามารถเนรมิตสีแดงให้เกิดได้ตามความประสงค์

    โอทากสิณ สามารถเนรมิตสีขาวให้ปรากฏ และทำให้เกิดแสงสว่างได้ เป็นกรรมฐาน ที่อำนวยประโยชน์ในทิพยจักขุญาณ เช่นเดียวกับเตโชกสิณ

    อาโลกสิณ เนรมิตรูปให้มีรัศมีสว่างไสวได้ ทำที่มืดให้เกิดแสงสว่างได้เป็นกรรมฐานสร้างทิพยจักขุญาณโดยตรง

    อากาสกสิณ สามารถอธิษฐานจิตให้เห็นของที่ปกปิดไว้ได้ เหมือนของนั้นวางอยู่ในที่แจ้ง สถานที่ใดเป็นอับด้วยอากาศ สามารถอธิษฐานให้เกิดความโปร่งมีอากาศสมบูรณ์เพียงพอแก่ความต้องการได้

วิธีอธิษฐานฤทธิ์

วิธีอธิษฐานจิตที่จะให้เกิดผลตามฤทธิ์ที่ต้องการท่านให้ทำดังต่อไปนี้ ท่านให้เข้าฌาน 4 ก่อน

แล้วออกจากฌาน 4

แล้วอธิษฐานจิตในสิ่งที่ตนต้องการจะให้เป็นอย่างนั้น

แล้วกลับเข้าฌาน 4 อีก

ออกจากฌาน 4

แล้วอธิษฐานจิตทับลงไปอีกครั้ง สิ่งที่ต้องการจะปรากฏสมความปรารถนา


ภาพ เเละ ที่มา จากเวป 

การทำบุญส่งผลกับเราอย่างไรบ้าง

     การทำบุญส่งผลกับเราอย่างไรบ้าง

      นอกจากนี้การทำบุญยังมีอีกหลายประเภท มีผลบุญที่เราจะได้รับมากมาย ไม่ต้องใช้เงินมาก หรือ ต้องไปกู้หนี้ยืมสินชาวบ้าน เค้ามาทำบุญ อย่างนี้ ได้บุญหรือเปล่าไปกู้เค้ามาทำบุญ ผมคิดว่า คงได้บุญ เเต่มันไม่ถูกต้อง ถ้าเรามีเงิน 500 บาท ซึ่งเเน่นอนเงินจำนวน นี้เป็นเงินเก็บต่อเดือน 500 เจียดมาทำบุญ ซัก 50-100 หรือ 1 บาท หรือ 50 สตางค์ ถ้าท่านมีจิตใจที่จะทำบุญจริงๆ ท่านก็ได้บุญมากมายเเล้ว การทำบุญโดยที่ทำให้ตัวเองเดือนดร้อน หรือ คนอื่นเดือดร้อนเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำครับ มีน้อยทำน้อย สะสมไปเรื่อยๆ อย่างนี้ได้บุญมากกว่า อย่างผมตอนนี้หาข้อมูลมาลงให้ท่านๆอ่าน ผมก็กำลังสร้างธรรมทาน อยู่ จะให้ผมไป พิมพ์หนังสือเเจก ตอนนี้ยังไม่มีกำลัง ขนาดนั้น ก็ขอ หาข้อมูลให้พวกท่านอ่านเเล้วกัน
 
        ถ้าใครเปิด google มาเจอ ก็ขอให้ท่านทำเเต่ความดี ถ้าเมื่อไหร่ท้อ หรือ รู้สึกเเย่ในชีวิต เเนะนำให้นั่งสมาธิ เจริญภาวนา หรือ ท่านโกรธเกลียดใคร ก็ให้ทำบุญเเล้วเเผ่เมตตาให้ คนที่ท่านเกลียด หรือ ไม่ชอบ อย่างนี้ ท่านจะได้บุญ มากมายเลยโดยไม่ต้องเสียเงินอะไรมากมากมาย เช่น ท่านเกลียด นาย ก  นาง ข  ให้ท่านสวดมนต์ นั่งสมาธิ ซัก 1-5 นาทิทำใจจิตใจให้สงบ เเละ เเผ่เมตตาให้เค้า ขอให้คนพวกนี้ มีความสุขกาย สบายใจ เเละให้พวกเค้าหายจากโรคภัยที่เป็นอยู่ ถ้าท่านทำเเบบนี้ไปเรื่อย จากคนที่ท่านเกลียด เค้าอาจจะกลายมาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของท่านก็เป็นได้ 
 
      ผลบุญจากการทำความสะอาดเจดีย์ วัด ห้องน้ำวัด หรือ ที่ทำ บุญด้วยการทำความสะอาดเจดีย์ นับว่าได้รับอานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน เพราะจะทำให้ชีวิตมีแต่ความสงบราบรื่น คิดจะทำสิ่งใดก็ไร้อุปสรรค หากตายไปแล้วก็จะได้ไปจุติในแดนสวรรค์ มีผู้คนและบริวารห้อมล้อมและปรนนิบัติตลอด นับว่าจะได้รับอานิสงส์นี้ทุกชาติๆ ไปเลยทีเดียวจิตใจนั้นก็ค่อนข้างดีงาม พ้นจากกิเลส ใครๆ ก็อยากอยู่ใกล้เสมอ เพราะมีแต่ความเมตตานั่นเอง
 
        
 
          การทำบุญประเภทต่างๆ 
 
อานิสงส์จากการทำบุญแบบต่างๆ
อานิสงส์ผลบุญจากการทำบุญแบบต่างๆ 

1.การทำบุญด้วยการถวายจีวร 

ผู้ที่ทำ บุญด้วยการถวายจีวรแด่พระสงฆ์ จะได้รับอานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่ จะเป็นผู้ที่พร้อมด้วยเสื้อผ้า อาภรณ์ และเครื่องประดับ มีแต่ผู้คนให้ความเคารพยกย่อง มีเกียรติ เป็นที่ยอมรับของคนทุกหมู่เหล่าเมื่อใดก็ตามจะต้องพบกับความมีอุปสรรค อุปสรรคนั้นจะผ่านพ้นไปด้วยดี ภยันตรายอื่นๆ อย่างสัตว์มีพิษและของมีคมต่างๆ ก็ทำร้ายไม่ได้ อานิสงส์ที่จะเกิดขึ้นในชาติหน้า จะเกิดมาเป็นผู้ที่มีความเพียบพร้อมด้วยหน้าตาที่งดงาม และสติปัญญาที่น่านับถืออย่างยิ่ง

2.การทำบุญด้วยการถวายเตียงนอน 
  
 ผู้ที่ทำ บุญด้วยการถวายเตียงนอนแด่พระสงฆ์ จะได้รับอานิสงส์ผลบุญในเรื่องของความเป็นอยู่ที่สุขสบาย จะได้นอนหลับในที่ที่อุ่นในยามหนาว เย็นสบายในช่วงฤดูร้อน ในเรื่อง ของสุขภาพก็มักจะไม่เจ็บป่วยง่าย ร่างกายแข็งแรงหากคิดจะเอาดีทางด้านการกีฬา ก็จะโด่งดังในระดับโลก เพราะจะเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ในด้านนี้มาก เมื่อชีวิตเข้าสู่วัยชรา ก็จะมีลูกหลานมาดูแล ไม่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว นับว่าสบายตั้งแต่เกิดจนตาย

3.การทำบุญด้วยการถวายหมอน 

ผู้ที่ทำ บุญด้วยการถวายหมอน จะได้รับอานิสงส์ในเรื่องของการเป็นผู้ที่มีความอดทนอดกลั้นเหนือผู้อื่น หากอยู่ในการแข่งขันจะเป็นบุคคลที่สร้างความกดดันให้แก่คู่ต่อสู้อย่างมาก ทำการงานใดก็จะสำเร็จ เพราะไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยหรือท้อแท้ง่าย อีกทั้งหากจะทำการงานใดก็จะมีคนคอยอุปถัมภ์ค้ำชูอยู่เสมอ

4.การทำบุญด้วยยาดม ยานัตถุ์ 

ผู้ที่ทำ บุญด้วยยาดม หรือยานัตถุ์ จะได้รับอานิสงส์ผลบุญส่งให้เป็นผู้ปลอดภัยจากโรคเกี่ยวกับจมูกทั้งปวง จะได้รับรส และกลิ่นที่งดงามอย่างกลิ่นของพระธรรม เกียรติยศ ชื่อเสียงต่างๆ จะขจรขจายไปทั่ว จนผู้คนต่างพากันชื่นชมในคุณงามความดีที่คุณได้สั่งสมเอาไว้ บริวารต่างพากันเคารพ และคอยปกป้องไม่ให้ได้รับอันตราย จึงเป็นผู้ที่ได้รับการปกป้องเป็นอย่างดีจากผู้อื่น

5.การทำบุญด้วยร่ม

ผู้ที่ทำ บุญด้วยการถวายร่ม จะได้รับอานิสงส์ส่งผลให้ชีวิตมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข แม้ในยามที่ตกทุกข์ชะตาดับ ก็จะเกิดปาฏิหาริย์กลายเป็นดีได้ในทุกครั้ง
นอกจาก นี้ยังเป็นผู้อุดมด้วยบุญบารมี แผ่ขยายไปทั่วจนเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ผู้อื่นได้ด้วย จึงมีแต่คนเคารพนับถือ และยอมรับในความกรุณาอย่างดียิ่ง ในบั้นปลายชีวิตก็จะพบแต่ความสุขที่แท้จริง ไม่ต้องอยู่โดดเดี่ยวแน่นอน

6.การทำบุญด้วยไม้กลอนประตู 

ผู้ที่ทำบุญด้วยการถวายไม้กลอนประตู จะได้รับอานิสงส์ส่งผลให้เป็นผู้ที่มีความกล้าหาญในทุกๆ เรื่อง จึงได้รับโอกาสดีๆ อยู่เสมอ จะได้รับ การปกป้องคุ้มครองเป็นอย่างดีจากคนรอบข้าง ไม่ต้องทุกข์กาย ทุกข์ใจ ชีวิตจะสุขสบายตั้งแต่เกิดจนตาย เพราะหนทางโรยด้วยกลีบกุหลาบอยู่แล้ว นับว่าเป็นความโชคดีอย่างมาก

7.การทำบุญด้วยน้ำมันนวด 

ผู้ที่ทำ บุญด้วยการถวายน้ำมันนวด จะได้รับอานิสงส์ผลบุญทำให้เป็นผู้ที่พรั่งพร้อมไปด้วยบริวารที่คอย ปรนนิบัติพัดวีอย่างใกล้ชิด หากจะทำสิ่งใดก็จะมีที่ปรึกษา ส่งเสริมทั้งกำลังกาย ใจ สติปัญญาและกำลังทรัพย์ ส่วนการ เจ็บไข้โดยเฉพาะอาการปวดเมื่อยต่างๆ จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน จะเป็นผู้ที่มีกำลังวังชาดี หากจะเป็นนักกีฬา ก็จะโด่งดังระดับโลก หรือหากจะรับราชการทหารหรือตำรวจก็น่าสนับสนุนส่งเสริม เพราะจะได้เป็นผู้บัญชาการอย่างรวดเร็ว

8.การทำบุญด้วยพัด

ผู้ที่ทำ บุญด้วยพัด จะได้รับผลบุญในเรื่องของสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง ชีวิตจะมีเรื่องสบายใจ ลูกหลานก็เป็นคนดีมีศีลธรรม ไม่สร้างเรื่องทุกข์กาย ทุกข์ใจใดๆ ให้เลยแม้แต่น้อย เกียรติยศและชื่อเสียงจะโด่งดัง และมีแต่คนยอมรับนับถือจำนวนมาก ในโลกหน้าก็จะพบแต่ความสุขสำราญกายใจเช่นชาตินี้

9.การทำบุญด้วยรองเท้า 

ผู้ที่ทำบุญด้วยรองเท้า จะเป็นผู้ที่ได้รับอานิสงส์ของการเป็นผู้มีบริวารมาก จะมีคนคอยให้ความช่วยเหลือและยกย่องเชิดชูเป็นอย่างดี ในเรื่อง ของโรคเกี่ยวกับเท้าก็หมดไป ไม่มีปัญหาเรื่องนี้ และหากจะท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ ก็ทำได้ง่าย ถึงจุดหมายอย่างปลอดภัยเพราะจะได้เป็นนักเดินทางที่มีชื่อเสียง ตลอดการเดินทางก็จะได้เรียนรู้ และศึกษาสิ่งต่างๆ เสมอ จะเป็นผู้ที่มีประสบการณ์สูงมากคนหนึ่ง

10.การทำบุญด้วยกุญแจ

ผู้ที่ทำบุญด้วยกุญแจจะเป็นผู้ที่มีความเจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน คิดอะไรก็แตกฉาน ไม่มีปัญหาอะไรที่แก้ไขไม่ได้หากคิดจะทำ อีกทั้ง ชีวิตยังมีแต่ความปลอดภัย ภยันตรายก็ไม่กล้ามากล้ำกรายอย่างแน่นอน ส่วนในชาติหน้าก็จะเกิดเป็นผู้ที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักทั่วทั้งแผ่นดิน

11.การทำบุญด้วยการถวายที่ดิน

ผู้ที่ทำ บุญด้วยการถวายที่ดินแด่พระสงฆ์ นับว่าเป็นการสร้างบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ จะได้เป็นใหญ่เป็นโต เป็นผู้ปกครองแผ่นดินหรือบริหารประเทศ ความที่ เป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่จึงมีคนพากันยกย่องสรรเสริญจำนวนมาก ในเรื่องของความมั่นคงทางกายและใจ ไม่มีปัญหาอะไรเลยเพราะเป็นผู้ที่หนักแน่น ทำการใดก็เจริญและได้รับการยอมรับอยู่ตลอด จะมีความสุขทั้งชีวิตเลยทีเดียว

12.การทำบุญด้วยการทำความสะอาดเจดีย์

ผู้ที่ทำ บุญด้วยการทำความสะอาดเจดีย์ นับว่าได้รับอานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน เพราะจะทำให้ชีวิตมีแต่ความสงบราบรื่น คิดจะทำสิ่งใดก็ไร้อุปสรรค หากตายไปแล้วก็จะได้ไปจุติในแดนสวรรค์ มีผู้คนและบริวารห้อมล้อมและปรนนิบัติตลอด นับว่าจะได้รับอานิสงส์นี้ทุกชาติๆ ไปเลยทีเดียว
จิตใจนั้นก็ค่อนข้างดีงาม พ้นจากกิเลส ใครๆ ก็อยากอยู่ใกล้เสมอ เพราะมีแต่ความเมตตานั่นเอง

13.การทำบุญด้วยการถวายไม้เท้าค้ำยัน

ผู้ที่ทำ บุญด้วยการถวายไม้เท้าค้ำยันแด่พระสงฆ์ ผลบุญนี้จะทำให้ได้รับความสบายใจในการครองชีวิต ไม่ต้องพบเจอกับปัญหาอุปสรรค จะมีคนคอยปกป้องรักษาให้แคล้วคลาดจากภยันตรายต่างๆ 
จะมีลูกก็จะพึ่งพิงได้ ลูกจะดี ไม่นำเรื่องหนักใจมาให้ จะเป็นคน ที่มีชีวิตที่มั่นคง เหมือนไม้เท้าคอยค้ำยันไว้ กล้าหาญในการทำกิจต่างๆ ทำให้คนรอบข้างที่คิดร้ายหวาดกลัวและพ่ายแพ้ไปในที่สุด โดยส่วนใหญ่แล้วผลบุญนี้จะส่งผลให้เป็นคนดวงแข็ง

14.การทำบุญด้วยการไหว้พระพุทธรูปด้วยจิตศรัทธา

ผู้ที่ทำบุญด้วยการไหว้พระพุทธรูปด้วยจิตที่ศรัทธานั้นจะได้รับอานิสงส์ คือ อานิสงส์นี้จะไปเสริมดวงให้เป็นที่เคารพนับถือ ชีวิตครอบครัวก็จะสุขสบาย เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงและน่าสรรเสริญ
ปราศจากศัตรูที่คิดร้าย คนคิดร้ายก็จะสำนึกในความดีต่างๆ แล้วพ่ายแพ้ไป เส้นทางชีวิตมีแต่ความสุข สงบ พบเจอแต่เรื่องดีๆ ในชีวิต จะมีสติดี ทำให้ประสบความสำเร็จในเรื่องที่หวังได้ง่าย

15.การทำบุญด้วยดอกไม้ ธูปเทียน

ผู้ที่ทำ บุญด้วยการถวายดอกไม้ ธูปเทียน จะได้รับอานิสงส์ผลบุญในส่วนของการมีสติปัญญาที่ฉลาดปราดเปรื่อง รู้จักแก้ไขปัญหาจัดการเรื่องต่างๆ กับชีวิตของตนได้เป็นอย่างดี หากคิดจะวางแผนก็เป็นนักวางแผนตัวสำคัญ ในเรื่องของรูปร่างหน้าตาก็สง่างาม เป็นหญิงอย่างกุลสตรี เป็นชายก็สมชายชาตรี ใครเห็นก็รักใคร่ชอบพอกันทุกคน ส่วนใหญ่ แล้วอานิสงส์นี้จะผลักดันให้ผู้ที่ทำบุญพบกับความสำเร็จ ชื่อเสียงโด่งดัง จนเป็นที่ยอมรับของคนทุกเพศทุกวัย นับเป็นบุญกุศลที่สูงส่งยิ่ง

16.การทำบุญด้วยกรรไกรตัดเล็บ

ผู้ที่ทำ บุญด้วยกรรไกรตัดเล็บนั้น จะได้รับผลบุญส่งให้ชีวิตของคุณพบกับความบริสุทธิ์ ปราศจากความเศร้าหมองใดๆ อันตรายต่างๆ ที่จะเข้าใกล้ก็จะไม่กล้ำกราย ชีวิตจะมีแต่ความสุข อานิสงส์นี้ยังส่งผลถึงครอบครัวให้ได้รับความสุขมากขึ้นด้วย นอกจาก นี้ยังจะเป็นผลดีในส่วนของการได้รับความช่วยเหลือเกื้อกูลจากผู้ใหญ่ที่เขา เอ็นดูคุณเป็นอย่างดี ในยามที่ตกต่ำ ไม่นานจะกลับมามีชีวิตสดใสได้ทุกครั้ง นับว่าเป็นบุคคลที่โชคดีมากคนหนึ่ง

17.การทำบุญด้วยการถวายมีดโกน

ผู้ที่ทำ บุญด้วยการถวายมีดโกนแด่พระภิกษุสงฆ์ อานิสงส์ที่ได้รับจะส่งผลต่อการดำรงชีวิต เพราะจะเป็นผู้ที่มีสมาธิ ทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างละเอียดรอบคอบ จะเป็นผู้ที่ขยันขันแข็ง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขทั้งหลาย ทำให้ประสบความสำเร็จในบั้นปลาย สุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยได้ง่ายๆ มีจิตใจที่ผ่องแผ้ว สุขทั้งกายและใจ อุปสรรคที่ต้องเผชิญก็มลายหาย

18.การทำบุญด้วยการถวายตะเกียง

ผู้ที่ทำ บุญด้วยการถวายตะเกียงแด่พระสงฆ์จะได้รับอานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่ จะเป็นผู้ที่มีชีวิตที่ราบรื่น เหมือนมีไฟส่องทางให้ ทำให้ไม่พบเจอปัญหาหรืออุปสรรคที่ยากจะผ่านไปได้ การเรียนหรือการทำงานก็จะเป็นเลิศ เพราะสติปัญญาดีมาก หัวไว และแก้ปัญหาต่างๆ ได้ดี แม้ศึกษาธรรมก็จะรู้ได้อย่างแตกฉาน เป็นผู้ที่วางตัวดี คนรอบข้างเคารพและเชื่อถือในคำพูด ทำดีจะเห็นผลเร็ว มีชีวิตที่รุ่งโรจน์ไม่มีตก

19.ทำบุญด้วยการถวายตู้ใส่พระไตรปิฎก

ผู้ที่ทำ บุญด้วยการถวายตู้ใส่พระไตรปิฎก จะได้รับอานิสงส์ผลบุญอย่างมากมายในเรื่องของความพร้อมด้านรูปโฉม และความเจริญทางด้านสติปัญญา จะเป็นผู้ที่มีไหวพริบ ชาญฉลาด สามารถหาทางออกที่ดีให้กับชีวิตได้ตลอด ความงดงามทางรูปร่างหน้าตา ทำให้เป็นคนที่มีเสน่ห์ เป็นที่รักและชื่นชมของคนทั่วไป นอกจากนี้แล้วการทำบุญด้วยวิธีนี้ จะช่วยส่งเสริมให้ชีวิตของคุณไม่โดดเดี่ยว จะมีคนมาอยู่ใกล้ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนฝูงหรือว่าญาติ ทั้งในยามทุกข์และสุข จะไม่มีวันตกต่ำอย่างแน่นอน นับว่าการทำบุญด้วยวิธีนี้ เป็นกุศลที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งทีเดียว

20.การทำบุญด้วยการสร้างพระพุทธรูป 
 
 ผู้ที่ทำ บุญด้วยการสร้างพระพุทธรูป ให้เป็นที่สักการบูชาจะเป็นผู้ที่ได้รับอานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่มาก เพราะไม่ว่าจะเกิดในชาติใดก็ตาม จะเป็นผู้ที่พร้อมด้วยทรัพย์ สติปัญญา และรูปโฉม
ทำสิ่งใด ก็ตามจะมีบริวาร ผู้คอยช่วยเหลือ และสนับสนุนเป็นอย่างดียิ่ง ในด้านของจิตใจนั้น จะเป็นผู้ที่มีจิตใจดีงาม ยึดมั่นในหลักธรรมคำสอนเป็นอย่างดี หากเป็นผู้นำในเรื่องใดก็จะสำเร็จและพาลูกน้องพบกับความสุขได้เสมอ การวางแผนก็จะเป็นนักคิดที่แยบคาย รู้ทันเหตุการณ์ต่างๆ เป็นอย่างดี อานิสงส์นี้จะทำให้คุณใช้ชีวิตสุขสบายอย่างมาก

21.การทำบุญด้วยการสร้างกุฏิ  

ผู้ที่ทำ บุญด้วยการสร้างกุฏิถวายแด่พระสงฆ์ จะได้รับอานิสงส์กลับคืนมาในเรื่องของความเป็นอยู่ จะมีชีวิตที่สุขสบายไม่ลำบาก ครอบครัวก็จะรักใคร่ปรองดองกัน มีความมั่นคงในชีวิต
ด้านร่างกาย ก็จะเป็นผู้ที่มีความรู้ดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเรียนทางด้านใดก็จะเรียนรู้ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
บุคคลที่คิดร้ายก็จะต้องแพ้ภัยตนเอง จะปลอดภัยจากสัตว์ร้ายและอาวุธต่างๆ มีอายุยืนยาว

22.การทำบุญด้วยการบูรณะพระพุทธรูป 

ผู้ที่ทำ บุญด้วยการบูรณะพระพุทธรูปแด่พระสงฆ์ จะได้รับอานิสงส์อันแรงกล้า สุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย ร่างกายสมบูรณ์ครบอาการ 32 ผิวพรรณงามเปล่งปลั่ง ไม่แก่เร็ว ความเป็นอยู่ดี มั่งคั่ง ทำมาค้าขึ้น มักจะได้ลาภลอยอยู่บ่อยๆ ไปไหนก็มักจะเป็นที่ต้องตาต้องใจของผู้พบเห็น ใครเห็นใครก็รัก พูดจาอะไรก็จะเป็นที่เชื่อถือ เป็นที่นับหน้าถือตา ชาติหน้าก็จะเป็นผู้ที่สวยทั้งรูปกายและรูปสมบัติ

23.การทำบุญด้วยการถวายภาชนะต่างๆ

ผู้ที่ทำ บุญด้วยการถวายภาชนะต่างๆ แด่พระภิกษุสงฆ์ บุคคลผู้นั้นจะได้รับอานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่ ชีวิตพรั่งพร้อมไปด้วยบริวาร มีแต่คนอาสาที่จะช่วยเหลือ หากประสบปัญหาใดก็ตาม บริวารจะเป็นที่รับฟังและเป็นที่ปรึกษาที่ดีอย่างยิ่ง ในการติดต่อ เจรจา จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เพราะเป็นผู้ที่มีทักษะในการพูดเป็นเลิศ เรียนด้านใดก็มักจะได้ดีกว่าผู้อื่น หัวไว และมีพรสวรรค์ในทุกๆ ด้าน เมื่อมุ่งไปทางใดแล้วก็จะทำได้ดี ยามแก่เฒ่าก็จะมีคนดูแล ชีวิตไม่ขัดสน

24.การทำบุญด้วยการสร้างสะพาน

ผู้ที่ทำ บุญด้วยการสร้างสะพาน จะได้รับอานิสงส์ในผลบุญนั้นอย่างสูงส่ง คือในยามยาก็มีผู้เข้ามาช่วยเหลือ จะมีแต่คนหยิบยื่นน้ำใจให้อยู่เสมอ เป็นที่รักของคนรอบข้าง การงานก็จะมีความมั่นคง ถึงเริ่มกระทำสิ่งใดไม่นาน ก็จะมีผู้ใหญ่เห็นความตั้งใจ และหยิบยื่นตำแหน่งหน้าที่ที่สูงขึ้นให้ 
ชีวิตครอบครัวก็เหมือนกับสะพาน ซึ่งแข็งแกร่ง มั่นคง อานิสงส์นี้ส่งผลให้เห็นทางสว่างทุกครั้งที่มืดมนเหมือนมีคนมาชี้ทางให้

25.การทำบุญด้วยการบูชาพระบรมสารีริกธาตุ

ผู้ที่ทำ บุญด้วยการบูชาพระบรมสารีริกธาตุ จะเป็นผู้ที่ได้รับอานิสงส์อย่างแรงกล้า การบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ถือเป็นการบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อานิสงส์ผลบุญดังกล่าวจะส่งผลให้ผู้ที่ทำบุญด้วยวิธีนี้มีอำนาจ บุญวาสนามีสูง ทำการงานก็สำเร็จเจริญก้าวหน้าอย่างไร้อุปสรรค
ชีวิตของ คุณจะมีชื่อเสียง มีผู้คนยอมรับนับถือ ทำอะไรก็ตามจะมีคนสนับสนุนส่งเสริมเป็นอย่างดี หากชีวิตมีเคราะห์ ก็จะผ่านพ้นและกลับมาพบกับความสำเร็จได้อีกครั้ง ชีวิตทั้งโลกนี้และโลกหน้าก็จะพบแต่ความสุขสดชื่นเสมอ

26.การทำบุญด้วยการถวายเชิงรองก้นบาตร

ผู้ที่ทำ บุญด้วยการถวายเชิงรองก้นบาตร จะได้รับอานิสงส์ในเรื่องของการมีคนอุปถัมภ์เกื้อหนุน ไม่ว่าจะเดินทางไปที่แห่งใดก็จะมีคนคอยแนะนำ ยามใดที่พลาดพลั้งก็ไม่มีวันที่อยู่โดดเดี่ยว เพื่อนและญาติมิตรจะอยู่ร่วมกันอย่างอบอุ่น คนรอบข้างจะเป็นคนที่ไว้ใจได้ เขาจะมอบแต่ความจริงใจให้และจะช่วยแบ่งเบาภาระของคุณได้เป็นอย่างดี นอกจากอานิสงส์ของการอุปถัมภ์แล้ว จะส่งผลให้ผู้ทำบุญจิตใจสงบ จะทำสิ่งใดก็คิดออกและเกิดความผิดพลาดน้อย

27.การทำบุญด้วยการสร้างศาลาโรงฉัน

ผู้ที่มี จิตศรัทธาทำบุญด้วยการสร้างศาลาโรงฉันถวายพระสงฆ์นั้น จะได้รับอานิสงส์ผลบุญทั้งชาตินี้และชาติหน้า คุณจะเป็นผู้พรั่งพร้อมสมบูรณ์ด้วยเครื่องอุปโภค บริโภคครบครัน ครั้นเกิดในชาติภพหน้าก็จะเกิดในตระกูลที่มั่งคั่ง ไม่มีวันที่จะตกต่ำ สุขภาพ ร่างกายจะแข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียน จิตใจก็จะสมบูรณ์ ไม่มีเรื่องเดือดร้อนกายและใจ เมื่อร่างกายและจิตใจพร้อมแล้ว อายุของคุณก็จะยืนยาว อยู่เป็นหัวหน้าครอบครัวจนประสบความสำเร็จสูงสุดได้อย่างง่ายดาย
ชีวิตของผู้ที่ทำบุญด้วยวิธีนี้นั้น จะคิดอ่านทำสิ่งใดก็ไม่มีอุปสรรคเลย ซึ่งนับเป็นอานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่อย่างยิ่ง

28.การทำบุญด้วยรัดประคด

ผู้ที่ทำ บุญด้วยการถวายรัดประคดแด่พระสงฆ์ จะเป็นผู้ที่ได้รับอานิสงส์ในเรื่องของความมั่นคงทั้งทางจิตใจ ที่ไม่หลงในทางผิดและร่างกายที่พร้อมด้วยฐานะที่เจริญรุ่งเรือง จะเป็น ผู้ที่มีความน่าเชื่อถือ คำพูดมีความศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนพร้อมที่จะยอมรับคำแนะนำต่างๆ นอกจากนี้จะมีความสมบูรณ์ในเรื่องของญาติมิตร และบริวารที่เป็นคนดี และอยู่กันด้วยความซื่อสัตย์และจริงใจต่อกัน
ในเรื่อง ของสติปัญญา จะเป็นผู้ที่มีสมาธิดีมาก และไหวพริบปฏิภาณเหนือผู้อื่น อนาคตจะได้เป็นใหญ่เป็นโต มั่งคั่งด้วยเกียรติและศักดิ์ศรี

29.การทำบุญด้วยการสนับสนุนศึกษาพระธรรม 
                                                                                  ผู้ที่ทำ บุญด้วยการสนับสนุนศึกษาพระธรรม จะได้รับอานิสงส์อันยิ่งใหญ่ ส่งเสริมให้การศึกษาหาความรู้ไร้อุปสรรค ได้รับการสนับสนุนจากคนรอบข้างในทุกๆ ทาง และจะประสบความสำเร็จอย่างมากหากมีความตั้งใจจริง เป็นคนที่ทำความดีขึ้น และเห็นผลทันตา คนรอบข้างไม่กล้าคิดร้าย
อานิสงส์ นี้จะส่งผลให้สุขภาพแข็งแรง ไม่ป่วยเป็นโรคร้าย มีชีวิตยามแก่ที่สุขสบาย เพราะจะมีบุตรหลานบริวารที่รักใคร่รายล้อมและไม่เจอกับปัญหาให้ต้องวิตก

30.การทำบุญด้วยการปิดทององค์พระ

ผู้ที่ทำ บุญด้วยการปิดทององค์พระ จะเป็นผู้ที่ได้รับอานิสงส์ผลบุญทางด้านทรัพย์ ถือได้ว่าจะมีความมั่งคั่ง รวยทรัพย์ หยิบจับอะไรก็ทำให้เป็นเงินเป็นทองได้อย่างง่ายดาย อานิสงส์นี้จะทำให้เป็นที่ยกย่องของบุคคลรอบข้าง เจ้านายก็รักใคร่ชื่นชอบ ทำอะไรจะดูดีไปทุกๆ ด้านเหมือนแสงทองอันรุ่งโรจน์ จะมีรูปงาม สวยสะดุดตา เป็นที่น่านับถือและรักใคร่ ดูมีสง่าราศี ในชาติหน้าก็จะเป็นใหญ่เป็นโต ไม่พบเจอผู้ที่คิดร้ายด้วย

31.การทำบุญด้วยการถวายบาตร

ผู้ที่ทำ บุญด้วยการถวายบาตรแด่พระสงฆ์ จะได้รับอานิสงส์อันแรงกล้า กล่าวคือความเป็นอยู่จะมั่งคั่ง มีชีวิตสมบูรณ์พูนสุข ปรารถนาสิ่งใดก็จะได้โดยไม่ต้องลงแรงมาก ยามที่พบกับอุปสรรค ก็จะพบกับทางแก้ หรือมีที่พึ่งเข้ามาอยู่เสมอ อันตรายไม่มากล้ำกราย คิดทำ สิ่งใดมีความหนักแน่น และมีความพยายามมากทำให้การนั้นๆ ส่งผลในทุกครา ไม่ค่อยพบกับความผิดหวังเท่าใด ตัดสินใจสิ่งใดจะมีแต่คนให้คำปรึกษาที่ดีอยู่เสมอ

32.ทำบุญด้วยการถวายผ้าปูลาด

ผู้ที่ทำ บุญด้วยการถวายผ้าปูลาดแด่พระสงฆ์ ผู้นั้นก็จะได้รับอานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่ ทั้งลาภยศและชื่อเสียง ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งหรือฐานะใดก็จะเป็นที่นับหน้าถือตา มีบารมีเป็นที่ยำเกรงของบริวารและคนรอบข้าง มักเป็นที่พึ่งให้กับผู้อื่นได้ เพราะจะเป็นคนที่มีพื้นฐานความคิดอ่านดี และมีความรอบคอบ ผู้ที่ได้รับอานิสงส์นี้จะไม่ตกต่ำ แม้เกิดมาอย่างไม่มีทรัพย์สมบัติ ก็จะสร้างขึ้นได้เองไม่ยากนัก

33.การทำบุญด้วยเข็มเย็บผ้า

ผู้ที่ทำบุญด้วยเข็มเย็บผ้า จะได้รับอานิสงส์ผลบุญส่งให้คุณเป็นผู้ที่มีปัญญาเฉียบแหลม คิดจะทำการใดก็สัมฤทธิ์ผลเป็นอย่างดี แม้ในยาม เกิดอุปสรรคก็จะมีผู้ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ประกอบกับปัญญาที่เหนือผู้อื่น จึงสามารถผ่านพ้นอุปสรรคได้อย่างง่ายดาย ใครก็ตามที่คิดจะทำร้ายจะได้รับผลกรรมอันเจ็บปวด แต่ด้วยความที่เป็นคนมีจิตใจดี จึงมักจะรู้จักให้อภัย และได้มิตรเพิ่มขึ้นตลอดเวลา

34.การทำบุญด้วยสายโยก

ผู้ที่ทำ บุญด้วยการถวายสายโยกแด่พระสงฆ์ จะได้รับอานิสงส์ผลบุญในเรื่องของการเป็นผู้มีสติตั้งมั่นไม่หวั่นไหวไปกับ สิ่งต่างๆ รอบตัว ทำสิ่งใดก็ตามจะไม่ประมาท แล้วจะรู้จักพิจารณาไตร่ตรองอย่างละเอียดถี่ถ้วน จึงเป็นไปได้ยากที่จะเกิดการผิดพลาด นอกจากนี้ยังได้รับการรักใคร่เอ็นดูจากญาติมิตรทั้งหลายอย่างจริงใจ และสามารถพึ่งพาอาศัยกันได้เป็นอย่างดี

35.การทำบุญด้วยน้ำยาดับกลิ่นปาก

การทำบุญด้วยน้ำยาดับกลิ่นปาก จะได้รับอานิสงส์ผลบุญในส่วนของการมีสุขภาพฟันที่แข็งแรง ไม่มีทางที่จะมีปัญหาในช่องปาก นอกจาก นี้ยังมีพรสวรรค์ในเรื่องของการใช้คำพูด จะมีวาจาที่ไพเราะน่าฟังอย่างยิ่ง พูดจามักจะน่าเชื่อถือ และหากจะเอาดีในเรื่องของอาชีพที่เกี่ยวกับการพูดก็จะยิ่งดีมาก เช่น นักการทูต หรือการค้าขายต่างๆ จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ชื่อ เสียงต่างๆ ก็จะเป็นที่รู้จักโด่งดัง มีแต่คนรัก และอยากรู้จักเป็นมิตรด้วยทั้งสิ้น การทำบุญด้วยสิ่งนี้จะเป็นการสร้างเสน่ห์ให้กับชีวิตโดยตรง

36.การทำบุญด้วยกระดาษทราย

อานิสงส์ ของการทำบุญด้วยกระดาษทรายนั้น จะน้อมนำให้ชีวิตของผู้ทำบุญยั่งยืน อยู่เป็นมิ่งขวัญของลูกหลานและวงศ์ตระกูลไปนานแสนนาน เรื่องโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ก็ไม่มาเบียดเบียน สุขภาพสมบูรณ์ทั้งกายและใจ หากใครคิดจะทำร้ายก็จะแพ้ภัยไปเอง เพราะคุณจะเป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์ปราศจากกิเลสตัณหาทั้งปวง และมักจะเป็นผู้คิดดีทำดีอยู่เสมอ

37.การทำบุญด้วยการสร้างพระไตรปิฎก 
                                                                                          ผู้ที่ทำ บุญด้วยการสร้างพระไตรปิฎกแด่พระสงฆ์ จะได้รับอานิสงส์ผลบุญทั้งในชาตินี้และชาติหน้า จะเป็นผู้มีสติปัญญาดี เป็นผู้นำให้กับบุคคลอื่นอยู่เสมอ คิดอ่านสิ่งใดก็ไม่ค่อยผิดพลาด ความจำดี
ด้านการงาน ก็จะเป็นที่นับหน้าถือตา เป็นเจ้าคนนายคน ถึงพร้อมด้วยบริวารรายล้อมรอบกาย
ถึงแม้จะเป็นหญิงก็จะได้เป็นใหญ่ ผู้ที่ทำบุญด้วยการถวายพระไตรปิฎกนี้ มักเป็นนักวิชาการหรือเกี่ยวข้องกับงานใหญ่หากเจออุปสรรค ก็จะเห็นทางออกอยู่เบื้องหน้า ไม่ต้องนั่งกลุ้มหรือไปปรึกษาใคร

38.การทำบุญด้วยการถวายผ้าคลุมองค์พระ 
                                                                                      ผู้ที่ทำ บุญด้วยการถวายผ้าคลุมองค์พระแด่พระสงฆ์ จะได้รับอานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่ในด้านความเป็นอยู่ จะพรั่งพร้อมไปด้วยอาภรณ์เครื่องประดับ มีเครื่องใช้ไม้สอยสะดวกสบาย
สุขภาพร่างกายแข็งแรง มีผิวพรรณงามสะดุดตา เป็นที่ต้องตาต้องใจของผู้ที่พบเห็น จะเป็นที่รักใคร่ของเจ้านาย ผู้บังคับบัญชา บุตรหลานบริวารจะเกรงใจ เป็นที่นับหน้าถือตาของคนในสังคม อานิสงส์ผลบุญนี้จะส่งผลให้มีชีวิตที่สุขสบาย

39.การทำบุญด้วยการถวายเสา

ผู้ที่ทำ บุญด้วยการถวายเสาแด่พระสงฆ์ จะได้รับอานิสงส์ผลบุญที่ยิ่งใหญ่ กล่าวคือในด้านความเป็นอยู่ก็จะสุขสบายถึงขนาดเป็นที่พึ่งให้กับผู้อื่นได้ มีเงินทองมากมายไม่ขาดมือ อาชีพการงานก็มั่นคง ไม่ว่าจะหยิบจับหรือคิดเริ่มการใดก็ไม่ค่อยพบกับอุปสรรค เพราะมีรากฐานที่มั่นคง สุขภาพร่างกาย ถึงจะเจ็บไข้ก็จะหายพลัน และจะเจ็บป่วยได้ยากกว่าผู้อื่น ด้านความคิดอ่าน ก็จะเป็นคนมีสติ ไม่ว่าจะตัดสินใจอะไรก็จะทำได้อย่างรอบคอบ มีความหนักแน่นและมั่นคง

40.การทำบุญด้วยการถวายยารักษาโรค

ผู้ ที่ทำบุญด้วยการถวายยารักษาโรคแด่พระสงฆ์ จะได้รับอานิสงส์ในเรื่องของสุขภาพอย่างมาก จะเป็นผู้ที่ไม่ต้องประสบกับโรคร้าย เจ็บไข้เล็กน้อยก็จะไม่กล้ำกราย จะมีอายุยืน การเดินทางจะไร้อุปสรรค หากพบพานความติดขัดก็จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เพราะจะมีที่พึ่งเข้ามาอยู่เสมอ อันตรายมักจะหนีหาย สำหรับ ผู้ที่ทำบุญด้วยการถวายยารักษาโรค ทำสิ่งใดก็จะได้รับความเมตตาจากคนรอบข้าง หากไปไหว้วานขอความช่วยเหลือจากใคร เขาก็จะเต็มใจช่วยเหลือเป็นอย่างยิ่ง

   ขอบคุณที่มา เว็บบอร์ด พลังจิต เเละ http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=21306

Tuesday, March 8, 2016

บทสวดพระมหาจักรพรรดิเบิกบุญ-แผ่เมตตา

บทสวดพระมหาจักรพรรดิ
 
และเบิกบุญ-แผ่เมตตา

1. บทนมัสการพระพุทธเจ้า

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

2. บทบูชาพระรัตนตรัย บิดามารดา ครูอาจารย์

     อะระหัง สัมมาสัมพุทโธภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ...(กราบพระพุทธเจ้า)สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ…(กราบพระธรรม)สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆังนะมามิ…(กราบพระสงฆ์)มาตาปิตุคุณัง อะหังวันทามิ…(กราบบิดามารดา)ครูอุปัชฌา อาจาริยัง อะหังวันทามิ…(กราบครูอาจารย์)เทวานัง อะหังวันทามิ (กราบเทวดา)

3. (บทอิติปิโส) 

พระพุทธคุณ

   อิติปิโสภะคะวา อะระหังสัมมาสัมพุธโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทูอะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธภะคะวาติ ฯ

พระธรรมคุณ

  สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโกปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ ฯ

พระสังฆคุณ

    สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆอาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ ฯ

4. อาราธนาศีล 5
 
   มะยัง( อะหัง= ตนเอง) ภันเต วิสุงวิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะสีลานิยาจามะทุติยัมปิ มะยังภันเต วิสุงวิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะสีลานิยาจามะตะติยัมปิ มะยังภันเต วิสุงวิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะสีลานิยาจามะ
 
1. ปาณาติปาตา เวระมณีสิกขาปะทัง สะมาทิยามิ........ (ขอละเว้นจากการฆ่าสัตว์)
 
2. อะทินนาทานา เวระมณีสิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.....(ขอละเว้นจากการลักทรัพย์ผู้อื่นมาเป็นของตน)
 
3. กาเมสุมิจฉาจารา เวระมณีสิกขาปะทัง สะมาทิยามิ...(ขอละเว้นการประพฤติผิดในกามฯ)
 
4. มุสาวาทา เวระมณีสิกขาปะทัง สะมาทิยามิ..............(ขอละเว้นจากการพูดเท็จ หลอกลวงผู้อื่น)
 
5. สุราเมระยะมัชชะปะมา ทัฎฐานา เวระมณีสิกขาปะทัง สะมาทิยามิ..(ขอละเว้นจากสุราของมึนเมา)

บทนมัสการพระพุทธเจ้า

 นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ 3 จบ

ราลึกถึงหลวงปู่ดู่ แล้ว อาราธนาดังนี้ นะโม โพธิสัตโต พรหม-มะ ปัญโญ 3 จบ

5. บทสวดพระคาถามหาจักรพรรดิ (ขณะสวดให้กาพระผงของหลวงปู่ดู่ไปด้วย)

    นะโมพุทธายะ พระพุทธะ ไตรรัตนะญาณมณีนพรัตน์ สีสะหัสสะ สุธรรม-มาพุทโธ ธัมโม สังโฆ ยะธาพุทโมนะพุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชาอัคคีทานัง วะรังคันธัง สีวลี จะ มหาเถรังอะหังวันทามิ ทูระโต อะหังวันทามิ ธาตุโย อะหังวันทามิ สัพพะโสพุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ ........ (สวด 5 จบ)

 แล้วอาราธนาแผ่บุญดังนี้

6. ข้าพเจ้า.....ขอตั้งจิตอธิษฐาน..อาราธนาพระบารมีรวมแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ ตั้งแต่สมเด็จองค์ปฐมบรมมหาจักรพรรดิ พุทธมหาราชา ..จนถึงสมเด็จพระพุทธเจ้า สมณะโคดม บรมครู และ พระศรีอารยะเมตไตร เป็นประธาน ..บารมีรวมพระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า คุณพระธรรม คุณพระอริยะสงฆ์ ทุกๆพระองค์ โดยมีบารมีของหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ และ หลวงตาม้า เป็นที่สุด

    ขอหลวงปู่ดู่พรหม-มะปัญโญ ได้โปรดรวมพระบารมีทั้งหมดทั้งมวลนี้ น้อมส่งไปยัง ภพภูมิต่างๆ ตลอด 3 แดนโลกธาตุ อันประกอบด้วย เทวาและพรหมโลกเบื้องสูงทุกชั้น ...มนุษย์ภูมิเบื้องกลาง และอบายภูมิเบื้องล่าง และนาส่งโดยเฉพาะให้แก่ ข้าพเจ้า

   ชื่อ.............................................คุณบิดามารดาและบรรพบุรุษของข้าพเจ้า..........คุณครูบาอาจารย์ของข้าพเจ้า........เทวาที่รักษากายและจิตของข้าพเจ้า...ญาติมิตรของข้าพเจ้า ..คู่ครองของข้าพเจ้า....เจ้าที่เคหะสถานที่ข้าพเจ้าอาศัยอยู่ ......บุตร บริวาร..............ของข้าพเจ้า รวมถึงเจ้าบุญนายคุณ-- เจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้าทุกรูปทุกนาม สรรพสัตว์ทั้งหลาย

    **ขอเชิญร่วมอนุโมทนารับบุญที่ส่งให้นี้ด้วยเทอญ ..และโดยเฉพาะการนี้ ขอหลวงปู่ดู่พรหม-มะปัญโญ ได้โปรดรวมพระบารมีทั้งหมดทั้งมวลนี้ และกองบุญของข้าพเจ้าทุกชาติ เบิกมาใช้เพื่อ.. รักษากายและจิตของข้าพเจ้า และ (เอ่ยชื่อ-สกุลคนที่จะช่วย)...................................ให้หายจากอาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่ มีอายุยืนยาว ร่างกายสมบูรณ์ทั้ง 32 ประการ ปลอดภัยจากภัยอันตรายทั้งปวง อุดมด้วยเดช โภคะ ปัญญา ชนะศัตรูหมู่มารทั้งปวง พบเจอแต่กัลยาณมิตร ไปสู่ภพภูมิที่ดี และ พบมรรคผลนิพพาน ทั้งในปัจจุบันและอนาคตกาลเบื้องหน้าทุกชาติเทอญ ฯ*** จากนั้น ให้สวดบทสัพเพ ฯ และ บท อธิษฐาน ดังนี้ .....

7. บทสัพเพฯ(ขณะสวดบทสัพเพ-ให้กาหนดเป็นภาพพลังงานบุญ และหลวงปู่ดู่ ส่งมาให้ตัวเรา)
สัพเพพุทธา สัพเพธัมมา สัพเพสังฆาพะลัป ปัตตา ปัจเจกานัญจะ ยัง พลังอะระหัน ตานัญจะ เตเชนะ รักขัง พันธามิ สัพพะโส (สวด 5จบ)

8. บทอธิษฐาน (ให้อธิฐานจิต กาหนดให้พลังงานบุญ ส่งไปให้ทุกคน)
พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ (สวด 5 จบ)

-------การแผ่บุญนี้ท่านจะใช้กรวดน้าแผ่บุญที่ทาก็ได้ -------อานิสงค์ การสวดบท พระคาถามหาจักพรรดิพระคาถามหาจักรพรรดินี้ หลวงปู่ดู่ พรหม มะ ปัญโญ เป็นผู้เรียบเรียง ฯเป็นการสวดเพื่อบูชา คุณพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ รวมถึงพระธรรมเจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า พระอริยะสงฆ์ และพระสงฆ์สาวกทั้งมวล เป็นการบูชาพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ในภัทรกัปป์ (ปัจจุบัน) อีกทั้งยังเป็นการอัญเชิญ พระบารมีแห่งคุณพระพุทธเจ้าทั้ง 5พระองค์ ได้แก่ ...

นะ..........พระกะกุสันโธพุทธเจ้า
โม..........พระโกนาคมโนพุทธเจ้า
พุท.........พระกัสสะโปพุทธเจ้า
ธา..........พระศรีศากยมุนีโคตโมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน)
ยะ.........พระศรีอริยะเมตไตยโยพุทธเจ้า

    รวมถึง บารมีแห่งพระโพธิญาณของพระโพธิสัตว์เจ้าทุกๆ พระองค์ น้อมนากาลังของเทพ พรหม พระอริยะเจ้าทั้งหลาย เป็นการอาราธนาบารมีแห่งคุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ ครูบาอาจารย์ เทพ และพรหม อัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์รวมเข้าที่กายและจิตของผู้สวด เพื่อคุ้มครองป้องภัย และเสริมโชคลาภบารมีของผู้สวด

   **การสวดครั้งหนึ่ง มีอานิสงค์แผ่ไปทั่วจักรวาล ตลอดสามแดนโลกธาตุ สามารถแผ่ปรับภพภูมิแก่สรรพสัตว์ ตลอดจนเทวดาประจาตัว ญาติมิตรครอบครัว เจ้ากรรมนายเวร และหากนาบทสวดนี้ไปแผ่ในนรก ไฟนรกจะดับลงชั่วขณะ นอกจากนี้การสวดบทพระคาถามหาจักรพรรดินี้ ยังเป็นการสร้างกาแพงแก้วคุ้มกันตัวแก่ผู้สวดอีกด้วย

   **บทพระคาถามหาจักรพรรดินี้ มีพลังงานบุญมากมาย เหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้สวดขณะนั่งสมาธิ กรรมฐาน เพราะจะก่อให้เกิดกระแสพุทธานุภาพครอบคลุมและคุมการปฏิบัติสมาธิของเรา และสามารถใช้อธิฐานเรื่องราวใดที่มีข้อติดขัด เรื่องร้ายทั้งหมด ทาให้ผ่านพ้นไปด้วยดี นามาซึ่งความเจริญแก่ผู้สวดทั้งทางโลกและทางธรรม...สาธุฯ
 
พลังผลบุญที่ได้จาก คาถาพระมหาจักรพรรดิอ่านต่อได้ที่นี้ครับ 
 
 
ขอบคุณที่มา บทสวดจาก

รุ่งนภาพยากรณ์ (www.rungnapa-astro.com) 089-120-5288

Monday, March 7, 2016

คนที่ชอบด่าหรือใส่ร้ายผู้อื่น กรรมจะมาเร็วมาก เป็นกรรมทางวาจา มีผลร้ายแรงมาก

คนที่ชอบด่าหรือใส่ร้ายผู้อื่น กรรมจะมาเร็วมาก เป็นกรรมทางวาจา มีผลร้ายแรงมาก

ที่มา สมาชิก nee653 จากเวป พลังจิต



หลวงปู่ท่านมักกล่าวถึงมงคลที่สำคัญที่ท่านอยากให้ลูกศิษย์ได้นำไปปฏิบัติ คือ มงคล 38 ประการ
มงคลที่ท่านพูดถึงบ่อย ๆ นั่นคือ สัมมาวาจาชอบ คือ พูดแต่สิ่งที่เป็นมงคล ท่านว่าคนส่วนมากมักสร้างกรรมทางวาจา เพราะกรรมนี้สร้างได้ง่าย แต่เขาไม่รู้หรอกว่าผลของกรรม เมื่อส่งผลจะร้ายแรงเพียงไรคำพูดนั้นสำคัญมาก บางคนพูดไม่ดีกับผู้อื่น จนเป็นเหตุถึงโกรธเกลียดกันชั่วชีวิตก็มี บางรายคำพูดเพียงไม่กี่คำ ก็ทำให้ไม่พูดกันไปหลายปี คนส่วนมากที่ขึ้นโรงขึ้นศาล หรือทะเลาะกันจนไปถึงฆ่ากันตายก็เพราะคำพูดที่ไม่ดีนี่แหละ มีเรื่องเดือดร้อน

หลวงปู่ท่านสอนอยู่เสมอว่า อย่าไปพูดไม่ดีกับใครเขา ถ้ามีคนมาว่าหรือด่าเราแต่เราไม่ว่าหรือด่าเขาตอบ มันก็จะไม่มีเรื่องกันแต่ถ้าแกไปด่าเขาเมื่อไรนั่นแหละเรื่องใหญ่ ท่านสอนศิษย์เสมอว่า อย่าไปพูดทำลายความหวังของใครเขา เพราะนั้นอาจจะเป็นความหวังเดียวที่เขามีอยู่ ถ้าแกไปพูดเข้าเมื่อไหร่ กรรมใหญ่จะตกแก่ตนเอง ท่านบอกไว้อีกว่า คนที่ชอบด่าหรือใส่ร้ายผู้อื่นรวมไปถึงการพูดไม่ดีต่าง ๆ กับคนอื่นนั้น กรรมจะมาเร็วมาก เขาผู้นั้นจะเป็นคนที่มีศัตรูทั้งภายนอกและภายใน ไม่เป็นที่รักของคนทั่วไป ตรงกันข้ามกับเป็นคนที่น่ารังเกียจแก่คนทั้งหลาย กรรมนี้จะทำให้เขามีเรื่องและเดือดร้อนอยู่เสมอ ๆ ทั้งทางกายและทางใจ บางคนทำกรรมนี้ไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้ตัว พอกรรมดีที่ตนเคยสร้างมาแต่ปางก่อนหมดหรือเหลือน้อยลง กรรมชั่วที่สร้างนี้ก็จะสนองเขาอย่างหนักทั้งในภพนี้และภพหน้า

ในภพนี้เวลาที่กรรมดีแต่ปางก่อนจะส่งผลให้มีความสุขหรือมีโชคลาภ กรรมชั่วก็จะเข้ามาตัดรอนกรรมดี เหมือนอย่างเขาผู้นั้นซื้อหวยเลข 56 หวยก็จะออกเลข 55 หรือ 57 บางทีก็ติดต่อการค้าหรืองานต่าง ๆ มองเห็นอยู่ว่างานนี้ได้แน่นอน แต่พอถึงเวลาก็ไปไม่ทันบ้าง ไปแล้วไม่เจอหรือมีเหตุต่าง ๆ มาทำให้มีอุปสรรคอยู่เสมอ ๆ ซึ่งที่จริงแล้วผู้นั้นจะมีโชคที่ควรได้ประมาณเป็นล้าน ๆ เขาก็จะได้แค่หมื่นสองหมื่น หรือโชคครั้งนี้จะได้หลายหมื่นแต่เขากับได้เพียงไม่กี่พันบาท หรือเพียงได้ไม่กี่ร้อยเท่านั้นเอง นี้เป็นเพราะกรรมชั่วเข้ามาตัดรอนกรรมดีและรวมถึงญาติพี่น้องลูกหลาน

      เขาเหล่านั้นก็จะทำความเดือดร้อนเสียหายมาให้ มีพี่น้องหรือญาติไปจนถึงเพื่อนฝูง ก็จะโกงทรัพย์สินเงินทองของเราบ้าง บางครั้งก็พูดใส่ร้ายให้โทษ ด่าว่าทะเลาะวิวาท ทำให้เราไม่สบายกายและสบายใจเป็นอย่างมาก มีเรื่องเดือดร้อนต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลาอย่างไม่จบสิ้นมีลูกหลานก็จะดื้อด้าน ว่านอนสอนยาก ทำความเดือดร้อนให้เสียเงินทองอยู่มิได้ขาด ว่ากล่าวลูกหลานไม่เชื่อฟัง ไม่เคารพนับถือ ลูกหลานบางคนก็จะอกตัญญูตนเองมักจะเดือดร้อนด้วยการเป็นโรคร้ายที่รักษายากหรือรักษาไม่หาย เช่น อัมพฤต อัมพาต มะเร็ง เบาหวาน โรคหัวใจ และโรคร้ายต่าง ๆ อีกมากมายหลายชนิด หลวงปู่ท่านบอกไว้ว่า กรรมทางวาจามีผลร้ายแรงมาก การที่เราพูดใส่ร้ายหรือพูดไม่ดีจนทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนและเสียใจหรือไปพูดทำลายความหวังต่าง ๆ ของเขาถ้ารู้ตัวให้หยุดเสียถ้าไม่หยุดหรือเลิกทำเสียกรรมไม่สนองแต่ในชาตินี้ พอตายลงไปยังต้องไปใช้กรรมยังนรกตามขุมต่าง ๆ อีก

ท่านจะพูดและสอนศิษย์อยู่เสมอว่า "คนดีเขาไม่ตีใคร" ความหมายว่าคนดีไม่ตีใคร ไม่ใช่เอาไม้
หรือของแข็ง ๆ ไปตีเขา แต่ท่านไม่ให้พูดจาไม่ดีด่าว่าใส่ร้ายทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนเสียหายและ "ทุกข์ใจ"

หลวงปู่ดู่สอนศิษย์
https://www.facebook.com/dharma2557/...56743047749437

ที่มา http://board.palungjit.org

ภาพจาก อินเตอร์เน็ต

เกิด เเก่ เจ็บ ตายเป็นของธรรมดา

        คนเราทุกคน เกิดมามีชีวิตซักพัก เเล้วก็ต้องจากไป ทรัพย์สินเงินทอง รูปร่างหน้าตา ตำเเหน่งหน้าที่การเงินต่างๆ เพื่อนรักมิตรสหาย เอาอะไรไปไม่ได้ซักอย่าง ตายไปก็เเยกย้าย ขึ้นอยู่กับกรรมดี กับ กรรมเลว ทีทำเอาไว้ ทำดีก็ไปสวรรค์ ทำเลวก็ตกนรก ตกสวรรค์ขึ้นจากนรก ก็อยู่ที่เศษกรรมดีหรือเลวอันไหนมากกว่ากัน ทำดีหน่อย  ก็ไปเกิดในครอบครัวที่ดี ทำเลว ก็ไปเกิดในครอบครัวที่ไม่ดี กรรมดีกรรมเลว ก็ส่งผลเช่น  เกิดเป็นคน ฉลาด จิตใจดี ฐานะดี หน้าตาดี โง่ พิการ ปัญญาอ่อน ยากจน

        ดังนั้นไม่ว่าชาตินี้จะเป็นยังไง ดีไม่หรือไม่ดี เริ่ม คิดดี ทำดี พูดี ตั้งเเต่วันนี้ เพราะพวกเรายังต้องเดินทางกันอีกไกล มากมายนัก ดังนั้น อย่าคิดว่าชาตินี้ดีเเล้ว พอเเล้ว เพราะเราอาจจะมีกรรมเลวที่ยังไม่ส่งผลในทางข้างหน้าอยู่ต่อก็ได้ สั่งสมบุญสั่งสมเสบียงไปใช้ในชาติต่อไปเถอะ ครับ พวกเรานี่โชคดีมากมายที่ได้เกิดมาในพระพุทธศาสนา